ผู้เขียน หัวข้อ: ลองขับรถยนต์ไฟฟ้า OMODA C5 EV SUV ไฟฟ้าที่คุ้มราคาสุดในตอนนี้  (อ่าน 2 ครั้ง)

siritidaphon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 147
  • รับจ้างโพส รับโปรโมทเว็บ บริการโปรโมทเว็บ รับโปรโมทเว็บ ราคาถูก ช่วยกระตุ้นยอดขาย โปรโมทเว็บ ลงโฆษณา ให้ยอดคลิ๊กสินค้ามากขึ้น รับโปรโมทเว็บ ติด Google
    • ดูรายละเอียด
ลองขับรถยนต์ไฟฟ้า OMODA C5 EV SUV ไฟฟ้าที่คุ้มราคาสุดในตอนนี้

OMODA C5 EV รถยนต์ไฟฟ้าล้วนหนึ่งในแบรนด์ Chery ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ติดอันดับ TOP 10 ในประเทศจีน แต่นอนว่าต้องไม่ธรรมดา โดยเจ้ารุนที่นำมาลองขับคือ OMODA C5 EV Long Range Ultimate แม้ว่าจะยังเป็นน้องใหม่ในประเทศไทย อาจจะยังไม่ค่อยเห็นโชว์รูมมากนัก แต่ด้วยตัวรถแล้วมีเทคโนโลยีที่ไม่น้อยไปกว่าค่ายอื่น ๆ หรือค่ายเจ้าตลาดเลย และยิ่งเปิดราคาในรุ่นท็อปออปชั่นครบไม่ข้ามล้านบาท นับว่าเป็นรุ่นที่น่าจับตาและต้องขอลองใช้ดูสิว่ามีข้อดีข้อด้อยอย่างไร แค่ไหน รับได้หรือไม่? กับ 5 วันเต็ม ๆ ลองเล่นระบบต่าง ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 
 
รูปลักษณ์ภายนอกแล้วแต่คนจะมองส่วนตัวเฉย ๆ แต่ชอบความเป็นรถยกสูงอเนกประสงค์ที่ไม่ต้องพะวงกับถนนเมืองไทยและน้ำท่วมได้ระดับหนึ่ง ไฟหน้า LED ปรับสูงต่ำอัตโนมัติและตั้งระดับไฟหน้าบนจอกลางได้เองอีกด้วย และยังมีไฟส่องสว่างขณะเลี้ยวเมื่อหมุนพวงมาลัย ไฟตัดหมอกที่มีมุมส่องสว่างกว้างกว่าปกติจะติดขึ้น ทำให้เห็นสภาพถนนเมื่อเลี้ยวในที่มืดได้ดี อันนี้ถือว่าดีมากเพราะเป็นออปชั่นที่ส่วนมากจะมีในรถระดับพรีเมี่ยมราคาสูง ๆ 
 

ด้านข้างรูปทรงแบบ SUV หรือจะเรียก "Crossover" น่าจะเหมาะกว่าเพราะไม่ใช้รถที่สูงมากนักขึ้นลงสะดวกสบาย ราวหลังคามีให้ (เฉพาะรุ่น Long Range Ultimate) หลังคาซัฟรูปเปิดปิดไฟฟ้าพร้อมแผ่นบังแดดเลื่อนด้วยมือ ถัดมาด้านหลังไฟท้าย LED ทรงแปลกตา มองผ่าน ๆ มีความคล้ายกับรถค่ายญี่ปุ่นบางรุ่น ไฟตัดหมอกหลัง เสาอากาศครีบฉลาม ฝาท้ายแบบไฟฟ้าพร้อมระบบ HandFree เพียงมีกุณแจติดตัวและเดินเข้ามาใกล้เมื่อมีสัญญาณดังและไฟเลี้ยวกระพริบ ประตูท้ยจะเปิดอัตโนมัติ แต่ว่าตอนปิดไม่มีปิดให้ครับยังต้องกดปุ่มปิดอยู่!!! (อ่าวทำไมงั้น) เพราะว่าลองเดินถอยออกอยู่หลายครั้งก็ไม่ปิดจนต้องกดปิดเอง
 
 
สำหรับมิติตัวรถกว้าง 1,830 มม. ยาว 4,424 มม.  สูง 1,588 มม. และ ฐานล้อ 2,630 มม. ความสูงใต้ท้องคันนี้อยู่ที่ 165 มม. ภายในภาพรวมจะมีความกว้างขวางพอ ๆ กับรถระดับเซกเมนต์เดียวกันคือ พอกับ HR-V, Corolla Cross/Yaris Cross  พื้นที่เก็บสัมภาระแบบไม่พับเบาะ 380 ลิตร ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ยาง 215/55 R18 จาก Kumho Ecsta PS71 
 

ภายในเน้นเรียบหรูดูง่ายสบายตา ใช้วัสดุค่อนข้างเนียมเกินราคาอยู่บ้างในบางจุด แต่ก็ยังมีบางจุดที่ยังไม่สุด เช่น ปุ่มใช้งานบนพวงมาลัยที่ให้ความทันสมัยด้วยไฟเรืองแสง แต่เมื่อกดลงไปยังรู้สึกว่าไม่ค่อยแน่นหรือยังกลัวว่าปุ่มจะพังเร็ว ๆ ประมาณนี้ แต่ก็ยังใช้งานได้ปกติ เท่าที่ใช้งานในสวิตช์ต่าง ๆ ยังไม่เจออะไรผิดปกติ
 

ความสะดวกสบายที่ C5 ให้มายังมีความง่ายและสะดวดในการใช้งานเพราะมีปุ่มสั่งงานอื่น ๆ แยกออกมาจากจอกลาง เช่น ปรับกระจกมองข้าง, ปรับโหมดขับขี่, เพิ่ม/ลดแสงหน้าจอ, เปิดกระโปรงท้าย, ไฟตัดหมอก และที่สำคัญคือ ปรับช่องแอร์ด้วยมือปกติ
 
เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะข้างคนขับปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง สัมผัสนุ่มนั่งสบายพร้อมฟังก์ชันระบายอากาศนี่เป็นออปชั่นที่คุ้มเกินราคาอีกจุดนึง แต่ขนาดตัวเบาะเล็กเมื่อเทียบกับขนาดตัวผู้ทดสอบ (เบาะขนาดประมาณะนิสสัน คิสก์) และพวงมาลัยพร้อมปุ่มควบคุมทั้งฝั่งของเครื่องเสียงหรือจอกลางและมาตรวัดคนขับที่เปิด-ปิดระบบควบคุมความเร็วแปรผันได้ด้วย ปรับได้แต่ขึ้น-ลง เท่านั้น

 
มาตรวัดคนขับและจอกลางรวมขนาด 24.6 นิ้ว ไม่ได้แยกขนาดมาให้คาดว่าแต่ละจอกว้างขนาดราว ๆ 12.3 นิ้ว ฝั่งคนขับแสดงข้อมูลการขับขี่ทุกระบบตั้งแต่ความเร็ว ระดับแบตฯ ระยะทางคงเหลือ, ระบบช่วยเหลือต่าง ๆ ระบบความปลอดภัย, และสามารถดูแผนที่ของตัวรถเองได้พร้อมขยายให้ใหญ่เต็มจอได้อีกด้วย (เฉพาะแผนที่ติดรถเท่านั้น) นอกจากนี้ที่คอพวงมาลัยด้านบนยังมีระบบตรวจจับผู้ขับขี่เตือนการเมื่อยล้าหรือเกิดเหตุไม่คาดคิด ระบบจะเตือนตลอดเวลาเมื่อคนขับไม่มีสมาธิ 
 
ระบบแอร์อัตโนมัติแยกปรับอุณหภูมิซ้ายขวาพร้อมช่องแอร์ตอนหลัง ระบบเครื่องเสียงพรีเมี่ยมลำโพงจาก  SONY พร้อมลําโพง 8 ตําแหน่ง รองรับ Apple CarPlay™ และ Android Auto   กระจกหน้าต่างคู่หน้าแบบลดเสียงรบกวนภายนอก กระจกคู่หลังแบบ privacy glass สีเข้มจากโรงงานแต่ก็ต้องติดฟิลม์กันร้อนเพิ่มอีกทีนะเพราะทนแดดบ้านเราไม่ไหว
 
ความสะดวกสบาย กระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ กระจกมองข้างแบบไล่ฝ้า ฟังก์ชันไฟส่องนําทางหลังดับเครื่อง สายไฟ V2L ระบบกุญแจแบบ Keyless เดินห่างตัวรถจะล็อคอัตโนมัติและเมื่อเดินเข้าใกล้จะเปิดอัตโนมัติ

โดยรวมภายในคิดว่าอยู่ระดับกลาง ๆ คือ ไม่ทันสมัยล้ำอนาคตมากเกินไปนักแต่ใช้งานง่ายมาก แทบไม่ต้องปรับตัวใหม่เลย ทั้งสวิสต์ต่าง ๆ การเปิด-ระบบความปลอดภัย แม้จะใช้บนหน้าจอบ้างแต่ก็ยังมีคีย์ลัดแค่ปัดลงบนจอ หรือจะตั้งค่าการีเจน ระบบปรับระดับไฟหน้า ระบบแอร์ก็ทำได้สะดวก และยิ่งมีสวิสต์กระจกขึ้นลงอัตโนมัติทั้ง 4 บานและช่อง USB ทั้งหน้าหลัง เบาะหลับพับได้ 60 : 40 นับว่าเป้นรถที่มีฟังก์ชั่นครบถ้วนรุนหนึ่งเลยทีเดียวครับ
 

ความปลอดภัยเลิศมาก...! เมื่อเทียบราคานี้
 
ความปลอดภัย ADAS L 2.5
ระบบความปลอดภัยในคันนี้ถือว่าเยอะมาก ๆและคุ้มเงินที่จ่ายไปแล้วได้ฟังก์ชั่นเทียบเท่ากับรถราคาข้ามล้าน อย่างเช่นง่าย ๆ เลยครับ แค่ระบบไฟส่องขณเลี้ยวนี่ก็หายากในรถระดับนี้แล้ว หรือระบบ ระบบกุญแจแบบ Keyless ที่แค่เดินเข้า/ออกห่างรถก็ต้อนรับ ระบบเปิดกระจกหน้าต่างด้วยรีโมท ระบบสั่งการทํางานระบบปรับอากาศผ่านรีโมท กระจกหน้าต่างควบคุมด้วยระบบ one-touch ระบบ

ระบบ ADAS L 2.5 ล่าสุดอีกเพียบ
ระบบการช่วนเหลือขับขี่ให้มาครบถ้วนเทียบเท่ารถระดับล้าน โดยจะมีทั้งส่วนระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุภายในชื่อ ADAS ที่มั่นใจได้ใช้กันในรถหลายรุ่นทั่วโลกและยังเป็นเวอร์ชั่นใหม่คือ L 2.5 อีกด้วย โดยจะมีระบบที่ให้มาแบบล้น ๆ ดังนี้
ระบบช่วยเหลือขับขี่กึ่งอัตโนมัติ
ระบบเตือนการออกนอกเลน LDW
ระบบป้องกันการออกนอกเลน LDP
ระบบช่วยเหลือเพื่อเปลี่ยนเลน LCA
ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCW
ระบบเตือนการชนด้านหลัง RCW
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ MCB
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ELK
ระบบแจ้งเตือนการออกตัว
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC
ระบบรักษารถให้อยู่กลางเลน ICA
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ในสภาพความเร็วต่ำ TJA
ระบบตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ DMS
การทำงานค่อนข้างจะแม่นและตอบสนองไวถึงไวมาก(เกิน)ไป จนบางครั้งใช้ในสภาพการจราจรหนาแน่นมักจะเตือนตลอดเวลาและจะมีการคอยเตือนเบรกหรือบางครั้งก็จะลดความเร็วเอง เพียงแค่มีรถเบี่ยงมาใกล้ ๆ ทำให้ใช้งานจริงจะลำบาก ส่วนตัวที่ลองใช้งานมากจะเน้นเปิดระบบเตือนชนด้านหน้า เป็นหลัก ตัวช่วยให้รถอยู่ในเลนและออกนอกเลนอาจจะไม่ค่อยได้ใช้งานนนัก แต่ระบบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC นับว่าใช้งานได้ดีแม่นยำและไว้ใจได้พอสมควรเลยครับ เพราะช่วงรถติดหนัก ๆ ไหล ๆ สลับหยุดนิ่งระบบนี้ช่วยผ่อนคลายลดความเมื่อยได้ดีมาก ๆ และทำงานสมูทความที่คิดคือ ไม่เร่งกระชากมากนักและการชะลอหรือเบรกก็นุ่มนวล แม้จะยังไม่เท่าระบบนี้ในรถค่ายญี่ปุ่นและยุโรปแต่ก็นับว่าพอใจ


ระบบช่วยให้ขับขี่ง่ายและปลอดภัยขึ้นมีดังนี้
เซ็นเซอร์ช่วยจอดรถด้านหน้าและด้านหลัง
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
ระบบช่วยเบรก BAS
ระบบลดกําลังขับเคลื่อนเพื่อช่วยเบรก BOS
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน EBA
ระบบช่วยลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ RSC
ระบบป้องกันรถไหลเมื่อขึ้นทางลาดชัน HAC
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC
ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง TPMS
ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ
ระบบจํากัดความเร็ว
ระบบเตือนการออกนอกเลน LDW
ระบบป้องกันการออกนอกเลน LDP
ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA
ระบบช่วยเบรกขณะถอยหลัง RCTB
ระบบตรวจสอบจุดอับสายตา BSD
ระบบเตือนเมื่อเปิดประตู DOW

ในส่วนที่ชอบและใช้งานประจำน่าจะ "ระบบตรวจสอบจุดอับสายตา BSD" หรือ "ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA"  กับ "ระบบเตือนเมื่อเปิดประตู DOW" ที่ได้ใช้งานในทุกครั้งที่ขับไปไหนมาไหนและต้องจอดรถ และระบบกุญแจที่เข้าใกล้ ๆ รถก้จะเปิดล็อคประตุและไฟต้อนรับ เมื่อลงรถแค่เดินห่างออกมารถก็จะล็อคให้อัตโนมัติ นับว่าเปนระบบที่สะดวกสบายมาก ๆ เลยครับ
 

พลังมอเตอร์ 204 แรงม้า 340 นิวตันเมตร วิ่งได้ 505 กม.(NEDC)
 
สมรรถนะพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าขนาด 204 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตร เกินพอในการขับขี่ใช้งานทั่วไปแบบสบาย ๆ ส่วนระยทางที่วิ่งได้จากโรงงานเคลมไว้ 505 กม. (NEDC) แต่เมื่อชาร์จเต็ม 100% จริง กลับแสดงระยะทางจริงบนมาตรวัดเพียง 406 - 422 กม. แล้วแต่ครั้ง ไม่ตรงกัน!!! อันนี้ตาดว่า...น่าจะเป็นการคำนวนการขับขี่ที่ผ่านมาทำให้แสดงระยะทางที่วิ่งได้ตามพฤติกรรมการขับขี่
 
อัตราเร่งแรง รวดเร็ว และกระชากพอตัว การตอบสนองการเหยียบคันเร่งไวมาก ๆ จนต้องปรับตัวและระยะการตอบสนองคันเร่งจะยังไม่ค่อยสมูทเท่าไหร่ มีอาการไม่ตามเท้าเวลาเหยียบหรือถอนคันเร่ง จะรู้สึกว่าไม่อากรมอเตอร์จะไม่พอดีกับคันเร่งที่ใช้จริง แต่ก็เป็นเพียงเสี้ยววินาทีครับ ปรับตัวเล็กน้อยก็คุ้นเคยและขับได้ไม่มีปัญหาแล้ว
 

ระบบช่วงล่างที่นุ่มนวลเวลาขับผ่านเนินชะลอความเร็ว แต่ก็ยังมีแข็งกระด้างในความเร็วต่ำ ๆ ในพิ้วถนนแบบซีเมน ส่วนความสูงนั้นถ้าไม่เกิน 110 กม./ชม. ถือว่าเอาอยู่สบาย ๆ ครับ ไม่ยวบมากนัก ไม่ต้องเกร็งมือมากในการบังคับพวงมาลัย แต่ถ้าความเร็วสูงกว่านั้น ต้องระวัง ช่วงล่างจะเริ่มนุ่มและยวบในสไตล์รถทรงสูง ๆ ระดับเดียวกัน คือ มีอาการโยนเวลาเปลี่ยนเลน หรือเข้าโค้งความเร็ว ๆ
 

การขับขี่สามารถเลือกโหมดให้ตรงกับการใช้งานคือ ECO, NARMAL ที่เป็นค่าเริ่มต้นเสมอ และ SPORT โดยที่ใช้งานมากหลายวันใช้ Sport เป็นหลัก เพราะคันเร่งตอบสนองทันใจ และพวงมาลัยจะปรับน้ำหนักให้หนักขึ้นเล็กน้อยตามโหมดนี้ เวลาขับขี่บนทางด่วนรู้สึกมั่นใจกว่า และไม่ได้กินไฟกว่าโหมดอื่น ๆ เท่าไหร่นัก แถมขับสนุกกว่าเยอะเลย เพราะให้อัตราเร่งได้ตามสั่งทันใจกว่า
 
ระบบเบรกแรก ๆ ดูเหมือนจะไม่น่าไว้ใจ ที่ความเร็วจะเบาเท้าและตอบสนองไวมากทำให้เบรกแล้วหัวทิ่มบ่อย ๆต้องปรับน้ำหนักอยู่หลายครั้งกว่าจะคุ้นเคย แต่ว่าเมื่อได้ขับที่ความเร็วกลาง ๆ แล้วต้องเบรกแรง ๆ กลับเอาอยู่โดยไม่มีเสียงร้องของยางและระบบ ABS ก็ยังไม่ทำงาน จึงรู้สึกว่าการกระจายแรงเบรกที่ความเร็วกลาง ๆ (60-80) ทำได้ดีมั่นใจได้ครับ โดยรถคันนี้ใช้ยางจากฝั่งเกาหลีใต้ KUMHO รุ่นนี้นับว่าคุ้มค่าและปลอดภัยจริง ๆ 
 

ประหยัดไฟไหม ชาร์จนานไหม?

สำหรับอัตรากินไฟเฉลี่ยแล้ว ไม่สูงจนเกินไป อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้จากพลังมอเตอร์ระดับ 200 แรงม้า แรงบิดระดับนี้ กินไฟเฉลี่ยนบยมาตรวัดเพียงแค่ 14 - 15 kWh เท่านั้น หากขับแบบซ่า ๆ หน่อยก็จะขยับขึ้นเป็น 16 kWh ก้นับว่ารับได้ครับ เพราะให้อัตราเร่งที่จัดจ้านและทันใจชดเชยกันไป ส่วนการชาร์จไฟนั้นแม้รองรับ DC 80 kw แต่เมื่อชาร์จเพียง 10 นาที ก็ได้ระยะทางเพิ่มขึ้นอีก 80 กว่า กม. และจุดชาร์จอยู่ด้านหน้ารถสะดวกในการจอดชาร์จมาก ๆ



สรุปความคุ้มค่ากับราคา
 
OMODA C5 EV Long Range Ultimate มาพร้อมราคา 949,000 บาท หากมองเรื่องตัวรถนั้นถือว่าคุ้มที่สุดในตลาดประเทสไทยตอนนี้ (ณ ต.ค.2567) เพราะได้รถ SUV ยกสูงลุยน้ำได้ลึก 45 ซม. นาน 60 นาที ขุมพลัง 204 แรงมา้ กับ 340 นิวตันเมตร ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว หลังคาซันรูป ระบบช่วยเหลือการขับขี่และสิ่งอำนวยความสะดวกเต็มครบทุกฟังก์ชัน แม้ว่ายังมีเรื่องช่วงล่างเมื่อขับเร็ว ๆ มีอาการร่อนอยู่บ้างหรือเสียงลมและกลิ่นเข้าในรถ  หรือเรื่องของวัสดุภายในอาจจะยังดูธรรมดาไม่หวืดหวานัก แต่ก็ต้องเทียบกับค่าตัวที่ไม่ข้ามล้านได้ออปชั่นครบแบบนี้

 
แม้ว่าโอโมด้า จะยังใหม่มาก ๆ ในไทยทั้งเรื่องของโชว์รูมและศูนย์บริการ รวมถึงเป็นแบรนด์ใหม่มาก ๆ แต่ก็มีการรับประกันคุณภาพตัวรถ 8 ปี หรือ 200,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดถึงก่อน/ถ้ายังอยู่กันยาว ๆ) และแถมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินอีก 5 ปี
 
OMODA C5 EV Long Range Ultimate อาจจะยังใหม่สำหรับประเทสไทยและใครที่กำลังเล็งอยู่อาจจะยังไม่มั่นใจนัก แต่หากพิจารณาในส่วนตัวรถล้วน ๆ แล้วละก็ กล้าฟังธงครับว่า  ได้รถยนต์ไฟฟ้าล้วนสมรรถนะดี เทคโนโลยีเกินตัว ราคาคุ้มค่า สุดท้ายต้องไปทดลองขับจับสัมผัสด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจ ที่โชว์รูม OMODA ทั่วประเทศครับ